ลุย Groove@CentralWorld กับ 14 ร้านอาหารที่คุณต้องไปลอง
ตอนที่ Groove@CentralWorld ได้เปิดตัวขึ้น หลาย ๆ คนคงรู้ว่าจะเป็นสถานที่ที่ต้องไปสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ในช่วงปีที่ผ่านมาหลาย ๆ ครั้ง รายชื่อร้านอาหารก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงอัพเดทอยู่ตลอดเวลา แต่แน่นอนก็ยังคงคุณภาพและเกรดของร้านและบาร์ทั้ง 14 ร้านไว้อย่างดี
และด้านล่างนี้ก็เป็นลิสต์ของ 14 ร้านอาหารที่เรานำมาให้คุณได้เลือกไปลองอาหารอร่อย ๆ กัน (รายชื่อร้านเรียงตามตัวอักษร)
1881 Bar & Restaurant by Water Library
ถ้าร้านอาหารชื่อดังอย่าง Water Library แตกไลน์ร้านอาหารออกมา คุณก็น่าจะรู้ว่า ร้านนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่นอน และสำหรับร้าน 1881 Bar & Restaurant ก็เช่นกัน ร้านตกแต่งในสไตล์ที่ทันสมัย
ร้านนี้รวมเมนูฟิวชั่นหลากหลายรสชาติและเสิร์ฟค็อกเทลพิเศษ พบกับเมนูที่ผสมความเป็นไทยอย่าง Salmon Tartare Kratong ราคา (220++บาท) และอิ่มไปกับ Truffle Wicked Wagyu Burger (ราคา 380++บาท) ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่ม Gummy Bear cocktail (ราคา 380++บาท)
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่เฟซบุ๊คเพจของทางร้าน
Apinara Thai Cuisine & Bar
ถ้าหากคุณกำลังมองหาอาหารไทยอยู่ในละแวกนั้น Apinara Thai Cuisine & Bar น่าจะเป็นคำตอบที่ดี ร้านนี้เป็นเจ้าของเดียวกันกับ Nara Thai Cuisine ซึ่งในสาขานี้ได้เพิ่มคำว่า Bar มา ซึ่งเป็นการรวบรวมเมนูที่หลากหลายขึ้นแต่ก็ยังคงความเป็นอาหารไทยอยู่
พบกับเมนูอย่าง ผัดไทปูนิ่ม (ราคา 240++บาท) หรือ ปาท่องโก๋ไส้หมู (ราคา 125++บาท) ทานคู่กันพร้อมเครื่องดื่มจากบาร์ ไม่ว่าคุณจะชอบดื่มไวน์ เบียร์ ค็อกเทลหรือแม้กระทั่งยาดอง Apinara Thai Cuisine & Bar พร้อมเสิร์ฟคุณทุกอย่าง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปดูที่เฟซบุ๊คเพจของทางร้านได้เลย
E.A.T. - Eat All Thai
Supanniga Eating Room โดยคุณยาย ถ้าพูดถึงแล้วน่าจะเป็นร้านอาหารรสชาติดั้งเดิมที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในกรุงเทพ
E.A.T. เป็นการขยายสาขาของครอบครัว Supanniga Eating Room และยังคงคุณภาพของอาหารไว้ได้เหมือนเดิม ร้านจัดในบรรยากาศสบาย ๆ และมีเมนูให้เลือกหลายหลายเมนู อย่างหมูปิ้งเลิศรส (ราคา 140++ บาท ) กุ้งจากแม่น้ำอยุธยา (เริ่มต้นที่ราคา 699++บาท) หรือจะเป็นข้าวผัดน้ำพริกปลาทู (ราคา 160++บาท)
ถ้าหากได้มาที่ร้านแล้วจะรู้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดแน่นอน ไม่ว่าคุณอยากจะทานแบบมื้อเต็มหรือจะเป็นอาหารจานเดียว ไม่ผิดหวังแน่นอนที่ E.A.T สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่เพจของทางร้านได้เลย
Greyhound Café
มูลค่า 1.85 ล้านล้าน สำหรับ Greyhound Group ในปี 2014 ถ้าอยากเข้าใจว่าทำไมร้านถึงมูลค่าสูงได้ขนาดนี้ ก็ลองไปร้าน Greyhound ที่สาขาไหนดูก็ได้ ซึ่ง Greyhound มีหลายสาขามาก ๆ รวมไปถึงที่ Groove ด้วย มีเมนูให้เลือกทานเยอะมาก ๆ บริการที่ดี ราคาเหมือนกันทุกสาขา
การตกแต่งที่คงคอนเซปท์เดิมทุกที่ เริ่มต้นมื้อของคุณด้วยขนมปังอุ่นๆ แล้วเลือกทานพาสต้า อย่าง Spaghetti Thai Anchovy (ราคา 200++บาท) หรือจะเป็นสเต็กแซลมอนย่าง (ราคา 320++บาท ) ลองทานอาหารควบคู่ไปกับชาเย็นของทางร้าน (ราคา 80++บาท) หรือจะเลือกดื่มจากเมนู ซื้อ 1 แถม 1ในช่วง happy hour ก็ได้
Hiyaku
ร้านอาหารญี่ปุ่นที่กรุงเทพมีเยอะมาก ๆ และร้าน Hiyaku ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่จะเน้นอาหารที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด หลาย ๆ ครั้งทางร้านจะจัดโปรโมชั่นลด 20-50% เหมาะกับการไปทานกับกลุ่มเพื่อนหลาย ๆ คน
เมนูเด่น ๆ ก็จะมี Salmon Nigiri (ราคา 40++บาท) Akami Sushi (ราคา 120++บาท) หรือจะเป็น Teriyaki Gindara (ราคา 380++บาท) เป็นกับแกล้มในการดื่มช่วง happy hour ได้ดี สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูที่เพจของทางร้านได้เลย
HOBs The Playhouse
House of Beers (HOBs) The Playhouse ออกแบบให้เหมือน Playhouse ซึ่งเป็น beer playground เบียร์แท๊บที่ร้านมีให้เลือกถึง 10 ชนิด และก็ยังมีเบียร์ขวดอีกกว่า 40 รสชาติ
ถึงชื่อจะเกี่ยวกับการเล่น แต่ HOBs The Playhouse ไม่ได้มาเล่น ๆ ถ้าหากพูดถึงเบียร์ ไม่ว่าคุณจะเลือกดื่มเบียร์รสชาติไหน อย่าลืมลองทาน Heavenly Mushrooms (ราคา 180++บาท) หรือ ปีกไก่ทอด Chicken Little (ราคา 180++บาท)
ถ้าคุณยังไม่อิ่มก็ลองเสริมด้วย Grilled Pork Chop (ราคา 420++บาท) ในซอสเห็ด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊คเพจของทางร้าน
Hyde & Seek Peek-A-Boo
Hyde & Seek Peek-A-Boo เป็นการขยายสาขาของร้าน Hyde & Seek ที่เน้นค็อกเทลมิกซ์แบบพิเศษที่มีเอกลักษณ์ กับการมิกซ์หลากหลายวิธีที่ทันสมัย
นอกจากเครื่องดื่มแล้วที่ร้านมีอาหารฟิวชั่นหลากหลายเมนูให้เลือก บรรยากาศของร้านอาหารและบาร์นี้จะชิล ๆ สบาย ๆ ง่าย ๆ เลือกทาน Peek-a-Boo Benedict (325++บาท) จากเมนู brunch ที่สามารถสั่งได้ตลอดทั้งวันหรือจะเป็น Beef Stroganoff Fettuccine (295++บาท) ทานคู่กับเครื่องดื่มจากบาร์
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปดูที่เฟซบุ๊คเพจของทางร้านได้เลย
Méjico
Méjico เป็นร้านอาหารเม็กซิกันที่อาจจะไม่ได้ดู เม็กซิกันจ๋าเหมือนร้านอื่น ๆ ร้านอาหารและบาร์นี้ตกแต่งดูเม็กซิกันแบบคลาสสิคที่ไม่ต้องมี sombreros และต้นกระบองเพชร
ร้านได้รวบรวมอาหารเม็กซิกันโปรดของคุณที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพและรสชาติที่อร่อยอย่าง tacos (ราคาเริ่มต้นที่ 185++บาท) และ nachos (ราคาเริ่มต้นที่ 235++บาท)
ถ้าคุณเป็นคนชอบทานเนื้อ ลองสั่ง Rib Eye Taco Kit (ราคา 715++บาท) ดู แต่ไม่ว่าคุณจะสั่งอะไรไม่ผิดหวังแน่นอน สำหรับเครื่องดื่มแล้วก็น่าลองไม่แพ้อาหาร ค็อกเทลซิกเนเจอร์อย่าง Margarita (ราคา 250++บาท)
ถ้าอยากลองอะไรที่แปลกใหม่ก็ลองเลือกชิมจากมากกว่า 40 tequilas หรือให้บาร์เทนเดอร์ทำเครื่องดื่มเซอร์ไพรส์ในสไตล์คุณ (ราคาเริ่มต้นที่ 450++ บาท) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปดูที่เพจเฟซบุ๊คของทางร้านได้เลย
Oyster Harem
Oyster Harem เริ่มมาจากการเป็นร้านเดลิเวอรี่ที่ส่งตามออเดอร์ Oyster Harem เป็นร้านที่ขายหอยนางรมไทยในราคาที่คุ้มสุด ๆ คุณสามารถสั่งหอยนางรมเป็นถังหรืออาหารทะเลชนิดอื่น ๆ ก็มีให้เลือกมากมาย (ราคา 800บาท) หรือจะเลือกทานบุฟเฟ่ต์หอยนางรม (ราคา 990)
ข่าวดีก็คือร้านนี้ไม่เสียค่าเซอร์วิสชาร์จหรือ VAT หอยนางรมทางร้านสดใหม่ทุกคำ พร้อมน้ำจิ้มและเครื่องเคียงอร่อยสุด ๆ จิบเบียร์หรือไวน์ไปด้วยนี้เรียกได้ว่าฟินไปอีกระดับหนึ่งเลย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ตามเข้าไปดูที่เฟซบุ๊คเพจของทางร้านได้เลย
S’Mores Hunting Lodge
ถ้าอยากได้บรรยากาศเหมือนกำลังไปแคมป์ปิ้งแต่ไม่ต้องออกไปนอกเมืองต้องร้านนี้เลย S’Mores Hunting Lodge สามารถมอบประสบการณ์นั้นให้คุณได้
พบกับอาหารสไตล์ Americana แต่ผสมผสานความเป็นไทยลงไปอย่าง Rib-Eye Steak (ราคา 850++ บาท) ไปถึง Tom Yam Goong Spaghetti (ราคา 240++บาท) พลาดไม่ได้เลยกับ S’Mores Set (ราคา 320++บาท)
ในเมนูของหวานที่เป็นเมนูที่ให้คุณสามารถปิ้ง marshmallows ของคุณบนถ่านได้เหมือนเวลาไปแคมป์ปิ้งกับเพื่อนหรือครอบครัวนั่นเอง
Tales of Gold Mine
ร้านอาหารสไตล์ New American ซึ่งเป็นการผสมผสานอาหารจีนชั้นดีกับอาหารอเมริกันในยุคเหมืองแร่ทองคำ Tales of Gold Mine ทำอาหารออกมาได้ลงตัวกับรสชาติตะวันออกในเมนูตะวันตก
การตกแต่งร้านก็เป็นธีมเหมืองทองคำ ส่วนเมนูในร้านก็จะมี Beef and Onion Rice Bowl (ราคา 290++บาท) หรือจะชิม Quinoa และ Chinese BBQ Pork (ราคา 390++บาท)
ทานอาหารแล้วก็อย่าลืมลองเครื่องดื่มของทางร้านอย่าง Vodka Wild Kettle (ราคา 350++บาท) เพื่อให้เติมเต็มประสบการณ์ที่ไปเยือนร้าน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูที่เฟซบุ๊คเพจของทางร้านได้เลย
Wabi/Sabi Japanese & Sake Bar
คำว่า Wabi-Sabi ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าการยอมรับสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบหรือมองเห็นความสวยงามในความไม่สมบูรณ์
Wabi/Sabi นำคอนเซปท์นี้มาสร้างสรรค์เมนูและเครื่องดื่มของร้าน เพลิดเพลินไปกับเมนู sashimi สด ๆ และโรลต่าง ๆ หรือจะเลือกทานจากเมนูอย่าง Salmon Volcano (ราคา 360++บาท) หรือ Wabi Wing (ราคา 350++)
ปิดท้ายมื้ออาหารกับเครื่องดื่มในเมนูที่มีให้เลือกหลากหลายในช่วง happy hour ตั้งแต่ 5 โมงเป็นต้นไป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปที่เฟซบุ๊คเพจของร้านได้เลย
Wine Connection The Grill
Wine Connection เป็นร้านอาหารและเป็นที่รู้จักสำหรับคนที่รักการดื่มไวน์ ขยายมาแล้วหลายสาขา แล้วเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เกิดเทรนด์การดื่มไวน์ในกรุงเทพ ทางร้านมีไวน์ให้เลือกมากมายเริ่มตั้งแต่ราคาเบา ๆ (ตั้งแต่ราคา 999++บาท)
ไม่ว่าจะเป็นอาหารอย่าง Rib Eye Bon In 850g (ราคา 1,890++บาท) หรือจะเป็น Spanish Gambas (ราคา 210 บาท) Wine Connection The Grill มีให้คุณพร้อม ไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะความความมั่นคงคือปรัชญาของร้าน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูที่เฟซบุ๊คเพจของทางร้านได้เลย
Wine, I Love You
Wine, I Love You เป็นร้านอาหาร casual dining ที่เปิดมาแล้วหลายสาขา ซึ่งเหมาะกับการไปทานอาหารกลางวันหรือจะดินเนอร์แบบชิว ๆ ก็ได้ ทางร้านมีอาหารเช้าที่สามารถสั่งได้ตลอดทั้งวัน ในเมนูของร้านมี บะหมี่หมูแดง (ราคา 165++บาท) รวมไปถึงเมนู ปลาหมึกผัดพริกเกลือ (ราคา 145++บาท) หรือจะเป็น Small Sausage Platter (ราคา 215++บาท)
ไม่ว่าเมนูไหนก็การันตีความอร่อย แน่นอนว่าร้านจะต้องมีไวน์ให้เลือกดื่มหลากหลายเพราะชื่อร้านก็บอกอยู่ชัดเจน แต่ทางร้านไม่ได้มีไวน์อย่างเดียว ร้านเสิร์ฟเบียร์และค็อกเทลด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูที่เฟซบุ๊คเพจของทางร้านได้เลย